เรื่องยาว เกิดโรคระบาดทั่วออสเตรเลีย ครอบครัวคาร์โก้ 3 พ่อแม่ลูก แอนดี้ เคย์ และโรซี่ลูกสาวตัวน้อย หนีการระบาดของโรค เพื่อไปยังที่อยู่ที่ปลอดภัย พวกเขาเดินทางโดยการล่องเรือแพไปตามแม่น้ำ ลักษณะเรือเป็นเหมือนบ้านบนเรือแพ ระยะทางคงอีกไม่ใกลน่าจะถึงจุดหมาย การใช้ชีวิตอยู่บนเรือเป็นเวลานานๆ ที่มีแค่ 3 พ่อแม่ลูก ความรู้สึกเบื่อก็ต้องมี จะเป็นการดีถ้าได้เจอเพื่อนระหว่างการเดินทาง ในยามเกิดโรคระบาด
วันนี้น่าจะเป็นวันที่ดี เมื่อคาร์โก้มองเห็นลูกโป่งลอยขึ้นในอากาศเหนือต้นไม้ ห่างจากเรือเขาไปไม่ใกล คาร์โก้มองตามที่มาลูกโป่ง เขาเห็นครอบครัว4พ่อแม่ลูกอยู่บนฝั่ง เด็ก 2 คนกำลังวิ่งเล่น คาร์โก้ดีใจเป็นอย่างมากได้เจอผู้คนสักที เขาหันไปเรียกเมียที่เล่นอยู่กับลูกในห้อง แต่ไม่ได้ยิน เรือวิ่งเข้าไปใกล้ คาร์โก้เปิดประตูเดินออกไปทักทายเพื่อนใหม่ที่นานๆจะได้เจอ ครอบครัวที่อยู่บนฝั่งหยุดแล้วมองมาที่เรือ สักพักชายผู้เป็นพ่อมองดูคาร์โก้ด้วยใบหน้าที่ไม่ดีใจและไม่แสดงความเป็นมิตร เมือเรือคาร์โก้ลอยมาใกล้ เขาจึงเดินมาริมตลิ่ง แล้วดึงเสื้อขึ้นหยิบปืนเหน็บอยู่ที่เอวขึ้นมาถือไว้ คาร์โก้เห็นความไม่เป็นมิตรจึงเดินกลับเข้าไปในตัวเรือและล่องผ่านไป
ค่ำคืนนี้คาร์โก้จอดเรือพักอยู่กลางแม่น้ำ ใกล้ๆเรือที่เขาจอดมีกล่องสีแดงหลายกล่องลอยมาติดที่ข้างเรือ คาร์โก้จึงซ้อนขึ้นมาเขาหยิบแล้วเดินเข้าไปเปิดในห้อง ที่กล่องเขียนว่า "กล่องอำนวยความสะดวก" ในระหว่างที่เขากำลังดูรายละเอียดในกล่อง เคย์ ที่นั่งอยู่ด้วยพูดขึ้นว่า เสบียงเราใกล้จะหมด เหลืออยู่ได้ไม่เกิน 4 วัน คุณมีแผนอะไรมั้ย แล้วแผนคุณล่ะอะไรบ้างคาร์โก้ถามกลับ เคย์พูดต่อไปว่าเขาดูแผนที่ สถานที่ที่เราจะไปอยู่ห่างออกไปราว 30-40 ไมล์ เราน่าจะขึ้นฝั่งแล้วหารถสักคันขับไป แถวนี้เป็นชนบทไม่ค่อยมีผู้คน ซอมบี้ก็น่าจะไม่มีเช่นกัน จากที่เราล่องเรือมาคนริมฝั่งเงียบมาก แอนดี้ตอบกลับ แต่เราไม่สามารถขึ้นฝั่งได้ การล่องเรือเป็นทางเลือกและทางรอดสุดท้ายของเรา จนกว่าเราจะเข้าใกล้จุดหมายของเราจริงๆ มันต้องเป็นแบบนั้น ผมขอโทษ คาร์โก้พูดจบ เคย์ทำหน้าไม่พอใจก่อนที่จะลุกหนีออกไป
เช้าวันใหม่ ขณะที่ล่องเรือไป ข้างหน้าคาร์โก้มองเห็นเรือล่มตะแคงอยู่กลางแม่น้ำ เขายกกล้องส่องดู แล้วหาที่จอดเรือใกล้ๆ จากนั้นก็พายเรือเล็กเข้าไปสำรวจ เมื่อเห็นว่าข้างในไม่มีคน คาร์โก้จึงลงไปในตัวเรือ เพื่อดูว่าในเรือมีอะไรหลงเหลืออยู่ พอให้ปะทังชีวิตของทั้ง3คนได้ เขาเก็บเสบียงที่วางอยู่ตามชั้นและลอยอยู่ในน้ำใส่กล่อง ในขณะที่กำลังตั้งหน้าตั้งหาเสบียง ก็มีเสียงดังขึ้นจากห้องด้านใน ประตูเปิดออกนิดหนึ่ง เขาหยุดและมองตามเสียง เมื่อเห็นว่าเหตุการ์ณไม่น่าไว้ใจ จึงรีบขนเสบียงและออกมาจากเรือ
กลับมาที่เรือ คาร์โก้นั่งตกปลาอยู่ด้านนอก สักพักเมียก็เดินออกมาสมทบ เขาเข้ามากอดคาร์โก้เหมือนว่าขอโทษกับเรื่องเมื่อคืนนี้ คาร์โก้ไพรส์เมียด้วยเสบียงที่อยู่เต็มกล่อง เสบียงพวกนี้จะช่วยเราอยู่รอดได้อีก 3 เดือนเป็นอย่างน้อย คุณเอามาจากไหนเคย์ถาม จากเรือยอชลำนั้น มันปลอดภัยแน่นะเคย์ย้อนถาม คาร์โก้ยิ้มพยักหน้าเชื่อผมสิปลอดภัยแน่นอน ทั้งสองมองตาแล้วยิ้มให้กันด้วยความดีใจ ลูกเป็นไงบ้างคาร์โก้เอ่ยถาม ไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ คุณเข้าไปพักผ่อนกับลูกสิ คาร์โก้เขาจึงเข้าไปหาลูกในห้อง
เคย์เช็คเสบียงที่อยู่ในกล่อง เกิดอยากจะเข้าไปดูในเรือบ้างเขาจึงพายเรือเล็กไปที่เรือลำนั้นและเข้าไปสำรวจภายในตัวเรือ ในขณะที่กำลังปีนเพื่อออกจากห้องเกิดพลาดท่าได้รับบาดเจ็บ
คาร์โก้ตื่นขึ้นมาเพราะลูกร้อง จึงอุ้มลูกแล้วเดินออกมาจากห้อง เขาเห็นคราบเลือดหยดอยู่บนพื้น ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น มองหาเมียไม่เจอ แต่ประตูห้องน้ำปิดอยู่ น่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเคย์ เขาอุ้มลูกเดินไปเคาะประตูห้องน้ำ เรียกเพื่อให้เมียเปิดประตู เมียเปิดประตู คาร์โก้เห็นเมียได้รับบาดเจ็บมีแผลใหญ่ที่ต้นขา บ้าเอ้ยคุณไปทำอะไรมา คาร์โก้พูดเมือเห็นบาดแผลที่ขาเมีย งั้นกดไว้ก่อนนะ เขารีบอุ้มลูกเช้าไปในห้องแล้วกับมาทำแผลให้เมีย คุณทำอะไรลงไป เคย์ไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น ได้แต่ขอโทษ คุณต้องไม่เป็นไร มองตาผมสิ คาร์โก้ทำแผลเสร็จ พาเคย์ไปนั่งพักที่ห้อง จากนั้นคาร์โก้ก็เก็บเสื้อผ้า เก็บเสบียงใส่กระเป๋า เคย์เห็นก็สงสัยเลยถาม คุณจะทำอะไร เราจะไม่เสี่ยง จะพาคุณไปโรงพยาบาล จะได้รู้ว่าคุณติดเชื้อหรือไม่ติด คาร์โก้พูดพลางเก็บของใส่กระเป๋าไปด้วย ถ้าฉันติดเชื้อ ฉันจะตัดสินตัวเองเคย์พูด โอเคคาร์โก้หันกลับมาตอบเคย์
สามพ่อแม่ลูกนั่งเรือขึ้นฝั่ง คารโก้เอาลูกสาวใส่เป้แล้วสะพายขึ้นหลัง ต่อจากนี้จะต้องเดิน ทั้งสามพากันเดินไปเรื่อยๆ จนไปเจอรถจอดอยู่ คาร์โก้เดินไปสำรวจ รถนั้นใช้งานได้และมีน้ำมัน เคย์พาลูกเข้าไปนั่งรอในรถ เขาเล่นกับลูกรอคาร์โก้ที่กำลังเติมน้ำมัน ทันไดนั้นมือเคย์สัมผัสเหมือกสีน้ำตาลติดอยู่ที่เบาะรถ เคย์รู้แล้วว่าแถวนี้ต้องมีเจ้าของรถที่เป็นซอมบี้อยู่แน่นอน เคย์มองดูรอบๆ ไม่นานซอมบี้ก็เดินออกมา เคย์ส่งสัญญานให้คาร์โก้ที่อยู่ข้างนอกทราบ โดยการเปิดไฟเลี้ยว คาร์โก้สังเกตเห็นไฟกระพริบจึงค่อยมองรอบๆ เห็นซอมบี้เดินเข้ามาใกล้จึงวิ่งเข้าไปในรถและรีบปิดประตู ซอมบี้ก็วิ่งซนประตูทันที คาโก้รีบขับรถออกไป จุดหมายคือหนีซอมบี้ให้ได้ก่อน
ขับรถไปสักระยะคาร์โก้จอดรถเพื่อดูแผนที่ว่าอยู่ตรงไหน เคย์เลยได้โอกาสอุ้มลูกออกไปเปลี่ยนผ้าอ้อมที่หน้ารถ ทั้งคู่อยู่ในสายตาของคาร์โก้ ขณะเดียวกันคาร์โก้ก็ก้มดูแผนที่ พอเงยหน้าขึ้นมาเมียหายไปแล้ว คาร์โก้รีบเปิดประตูออกไปแล้ววิ่งไปที่หน้ารถ เขามองเห็นเมียนอนชักกระตุกและมีออกเลือดทางปาก จึงอุ้มลูกที่อยู่หน้ารถลงวางกับพื้น แล้วรีบเข้าไปพยุงหัวเมียเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
จากนั้นทั้ง3คนขึ้นรถแล้วรีบขับรถออกไป แต่ไปได้ไม่ใกลอาการเคย์เริ่มไม่ไหว เคย์เปิดประตูจะวิ่งลงรถ คาร์โก้ดึงเคย์กลับมาแล้วปิดประตู จากนั้นก็หยุดรถ เมือรถหยุดเคย์เปิดประตูแล้ววิ่งออกไป คาร์โก้เปิดประตูวิ่งตามไป เคย์บอกให้เขาพาลูกหนีไปก่อนที่เขาจะไม่ไหว คาร์โก้สวมกอดเมียแล้วพาไปนั่งพักใต้ร่มไม้ คาร์โก้ให้กำลังใจ ยังไงเขาก็จะพาเมียไปโรงพยาบาล แม้เคย์จะบอกว่าไม่ไปให้ทิ้งไว้ที่นี่ แต่คาร์โก้ทำไม่ได้ รีบอุ้มเคย์ขึ้นรถแล้วขับออกไป เขาต้องดูถนนข้างหน้าและคอยหันมาดูเมีย เมื่อหันกลับมามองถนนอีกที เจอคนยืนอยู่กลางถนน คาร์โก้ตกใจหักรถหลบ ทำให้รถเสียหลักไปชนเข้ากับต้นไม้ข้างทาง
หลังจากอุบัติเหตุ คาร์โก้ตั้งสติได้ มองดูลูกที่อยู่เบาะหลัง พอหันไปทางเมีย เห็นกิ่งไม้ที่ทะลุกระจกเข้ามาแทงเข้าที่ท้อง เคย์พอได้สติด้วยความเป็นแม่ไม่สนใจตัวเองเป็นอะไร รีบหันไปดูลูกที่เบาะหลังว่าปลอดภัยอยู่มั้ย มองมาฝั่งทางคาร์โก้เหมือนเขาจะสลบไป คาร์โก้ตื่นเพราะลูกร้อง เขาหันไปดูเคย์แล้วเอื้อมเมือไปเขย่าตัว เคย์ป็นซอมบี้เต็มตัวแล้ว คาร์โก้ค่อยๆปลดเบล ระหว่างนั้นเคย์ตื่นขึ้นมาพอดี เขาหันมองไปทางคาร์โก้แล้วกระโจนกัดทันที แต่ด้วยติดเบลที่คาดอยู่ทำให้กัดได้แค่ต้นแทน คาร์โก้ผลักเมียและรีบเปิดประตูรถแล้วอุ้มลูกออกมานอกรถ แล้วเดินกลับไปดูเมียที่ติดอยู่ในรถเขาจำใจปลิดชีพเคย์ จากนั้นเขาก็ทรุดตัวนั่งลงข้างๆรถแล้วตะโกนเพื่อระบาย
ด้านหน้าคาร์โก้ ดันมีอุปกรณ์สำหรับปลิดชีพวางอยู่ อุปกรณ์ตัวนี้ใช้สำหรับปลิดชีพคนที่ติดเชื้อซอมบี้ที่ยังไม่ได้เป็นซอมบี้เต็มตัว รัฐบาลทิ้งไว้ตามที่ต่างๆเพื่อให้คนติดเซื้อซอมบี้แล้วใช้อุปกรณ์ปลิดชีพตัวเอง ซอมบี้ก็จะลดลง คาร์โก้ได้กล่องอำนวยความสะดวกตอนจอดเรือพัก มันลอยมาติดข้างๆเรือ คาร์โก็นั่งมองเข็มนั่น แล้วก็มองไปยังลูก พูดกับตัวเองว่า ไม่นะ จากนั้นเขาลุกขึ้นเดินไปดูเมีย แล้วถอดนาฬิกาที่ข้อมือมาตั้งเวลา สวมไว้ที่แขนตัวเอง เดินไปหาลูกยกขึ้นเป้สะพายหลัง พ่อลูกเดินทางต่อไป
คาร์โก้กับลูกยังคงเดินมาสักระยะเขาก็หยุดนั่งพัก ฉีดน้ำหอมเพื่อดับกลิ่นซอมบี้ ขณะนั้นมองเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่กลางถนนจนทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุ เดินมาอีกฝั่งของป่าเขาจึงเดินไปถาม คุณทำอะไรลงไป ผู้ชายคนนั้นหยุด แล้วมองมาทางคาร์โก้ เขาซอมบี้ไปซะแล้ว แต่ไม่สามารถกัดคนได้ เพราะปากมัดไว้กับท่อนไม้เล็กๆ คาร์โก้จึงหยิบท่อนไม้ขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว เขาก็ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องว่าไม่ อย่างยุ่งกับพ่อหนู เด็กหญิงผิวดำ ตัดผมสั้นใส่เสื้อแขนยาวเก่าๆ เนื้อตัวมอมแมม ยกมือขึ้นแล้วกรีดฝ่ามือตัวเอง จนมีเลือดไหล แล้วเอาเลือดไปทาไว้กับต้นไม้ ซอมบี้ได้กลิ่นเลือดจึงเดินตามกลิ่นไป ทั้งคู่ก็หายไปในป่า
พ่อลูกจึงเดินหน้าต่อไป เดินผ่านในทุ่งโล่ง เดินไปเรื่อยๆจนใกล้ค่ำในที่สุดเขาก็เจอชุมชนคล้ายโรงาน คาร์โก้เดินเข้าไปส่องไฟสำรวจด้านใน เขาเดินสำรวจไปเรื่อยๆ ต้องตกใจเมื่อส่องไฟเจอคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มืดๆ คาร์โก้เดินเข้าไปดูใกล้ๆเขาจึงเปิดไฟ เป็นผู้หญิงมีอายุหน่อย คำถามแรกเหลือเวลาเท่าไหร่ ประมาณ46ชั่วโมงคาร์โก้ตอบ เขาขอดูบาดแผลที่แขนของคาร์โก้และทำแผลให้ เขาคุยไปด้วยหว่างทำแผล คนแถวนี้เรียกฉันว่าเอตต้า แอนดี้ คาร์โก้ตอบกลับ คุณเป็นครูเหรอคารโก้ถาม เคยเป็น โรงพยาบาลอยู่ตึกถัดไปแต่ถูกตัดงบไปหลายปีแล้ว ผู้คนที่เห็นในรูปก็แยกย้ายไปตามวิถีดั้งเดิมของตนเอง ป้าเอตต้าพูดกับคาร์โก้
คืนนี้คาร์โก้พักอยู่คนเดียวลูกฝากไว้กันป้าเอตต้า และแล้วกลางดึกอาการซอมบี้ของคาร์โก้เริ่มออก อาการเดียวกับเคย์เมียเขา คาร์โก้พยามกัดฟันฝืนต่อสู้กับเชื้อซอมบี้ในตัวเขาจนผ่านคืนนี้ไปได้
เช้านี้คาร์โก้ตื่นขึ้นมาดูนาฬิกาบนข้อมือว่าเขาเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ก่อนที่จะกลายเป็นซอมบี้เต็มตัว คาร์โก้เดินมารับลูกที่ฝากนอนกับป้าเมือคืน ป้าจะบอกว่าเขาจะพาลูกไปแบบนี้ไม่ได้และแนะนำให้เขาเอาลูกไปฝากไว้กับครอบครัวเพื่อนของเขา เพื่อนเขามีลูกสาวชื่อทูมิ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเขาเอง คาร์โก้ตอบกลับไปว่าเขาเคยเจอเด็กผู้หญิงคนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าสองพ่อลูกมองไม่เห็นทางเลือก มุ่งหน้าเดินต่อไปตามจุดหมายที่ป้าบอก ระหว่างทางก็เจอซอมบี้แต่ดูไม่มีอะไร จึงเดินทางต่อไป จนเจอรถกะบะจอดอยู่ คาร์โก้เดินเข้าไปเปิดประตู ขณะนั้นเองซอมบี้ก็เดินตามหลังมา แต่คาร์โก้มองไม่เห็น นั้นรถฉัน เสียงพูดมาพร้อมกับเสียงปืนดัง คาร์โก้สดุังตกใจมองตามเสียงปืน เห็นซอมบี้โดนยิงทะลุหัวล้มลง เสียงคนพูดดังมาจากหลุม เร็วๆหน่อยเดี๋ยวจะมีซอมบี้มาอีกเยอะ เพราะเสียงปืนดังไปใกล ให้เด็กนั้นเงียบๆด้วย โรซี่ร้องเพราะตกใจเสียงปืน
คนในหลุมยื่นข้อเสนอ ถ้าคาร์โก้ช่วยเขาออกไปจากที่นี้ เขาจะช่วยคาร์โก้กับลูกในเรื่องที่พัก คาร์โก้จึงถามหากุญแจรถ เขาลังเลสักครู่ก่อนที่จะโยนกุญแจให้ คาร์โก้ได้กุญแจเขารีบสตาร์จรถขับออกไป พร้อมกับลากถังแก๊สขึ้นจากหลุมด้วย จากนั้นทั้งคู่จึงขับรถไปที่พัก ที่พักเป็นตู้คอนเทนเนอร์ 2 ชั้นมีรั่วตาข่ายล้อมรอบ เอาไว้ป้องกันซอมบี้ วิคอยู่กับภรรยาชื่อลอร์เรน ลอร์เรนเป็นผู้หญิงสวยน่าตาดีดูแล้วไม่เหมาะกับวิคเท่าไหร่ วิคแนะนำลอร์เรนให้รู้จักกับคาร์โก้ ทั้งคู่ทักทายกัน ลอร์เรนนำน้ำชามาต้อนรับคาร์โก้กับลูก ทั้งคู่นั่งคุยกัน ลอร์เรนเล่าว่า วิควางแผนถ้าเหตุการณ์ปกติทุกคนต้องการพลังงาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมือไหร่ ผมว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้คาร์โก้พูด ฉันเพิ่งเห็นคุณเป็นคนแรกที่ยังมีชีวิตอยู่ลอร์เรนพูดต่อ
วิคเดินเข้ามาบอกกับคาร์โก้ว่าเพื่อนเราต้องไปต่อ ให้ลอร์เรนดูแลลูกนายเธอจะปลอดภัย คาร์โก้จึงต้องฝากลูกไว้กับลอร์เรน วิคก็พาคาร์โก้ขับรถออกไปดูบ่อแก๊ส วิคจอดรถก่อนที่จะถึงบ่อแก๊ส คาร์โก้ที่นั่งอยู่ท้ายกะบะยืนขึ้นแล้วดูซอมบี้ยืนล้อมกรงอยู่ คาร์โก้มองไม่ชัด ถามวิคนั้นอะไร วิคไม่ตอบแต่ยื่นปืนให้แล้วถามว่านายยิงปืนเป็นมั้ย วิคจึงสอนวิธียิงปืนให้กับคาร์โก้ เป้าก็คือซอมบี้ที่ยืนรอบๆกรง ทั้งคู่ยิงซอมบี้ครบทุกตัวก็พากันเดินไปดูผลงาน คาร์โก้ต้องตกใจอีกครั้งเพราะมีเด็กผู้หญิงที่เขาเจอกับซอมบี้วันก่อนถูกขังไว้ในกรงแต่คาร์โก้ทำอะไม่ได้ วิคบอกว่าที่เขาต้องเอาเด็กมาขังไว้ในกรงเพื่อที่จะเป็นเหยื่อล่อซอมบี้ เมือซอมบี้ได้กลิ่นก็จะมารุมที่กรงจากนั้นวิคก็จะขับรถมายิงซอมบี้เหล่านี้ แล้วเก็บของมีค่าที่ติดตัวซอมบี้ วิคได้ประโยชน์ทุกทาง
ย้อนกลับมาที่ภรรยาวิค เขาเลี้ยงลูกของคาร์โก้ขณะที่อุ้มเด็กเมือไปสัมผัสกับเหมือก เขายกมือที่มีเหมือกขึ้นมาดู ลอว์เรนตกใจเล็กน้อยรู้ว่าคาร์โก้นั้นได้ติดเชื้อซอมบี้ แต่ลอว์เรนก็ไม่ได้พูดอะไรเมือเจอกับคาร์โก้
คืนนี้ ณ ที่พัก คาร์โก้เอาลูกเข้านอน เขามีความกระวนกระวายจะเอายังไงดี เพราะอาการซอมบี้กำเริบหนักเรื่อยๆ ชีวิตที่อีกไม่กี่ชั่วโมงเขาก็จะกลายเป็นซอมบี้เหมือนกับเคย์ คาร์โก้นั่งมองดูลูกที่นอนอยู่ ก่อนที่จะเดินออกมานั่งอยู่ในท่อและหยิบอุปกรณ์สำหรับปลิดชีพตัวเองจ่อไปที่หัว แต่เขาก็ทำไม่ได้ สักพักลอว์เรนเดินอุ้มเด็กมา อย่าทำแบบนั้นลอร์เรนพูดห้าม เขารู้ว่าที่คาร์โก้ทำแบบนั้นเพราะอะไร คาร์โก้บอกกับลอร์เรนว่า ฝากลูกให้ลอร์เรนดูแล ลอร์เรนรับปากและพูดต่อไปว่า แต่ไม่ใช่ที่นี่นะ คาร์โก้ตอบกลับ ที่นี่ปลอดภัยที่สุดแล้ว ลอร์เรนถามกลับว่า คุณเหลือเวลาอยู่กี่ชั่วโมง คาร์โก้ตอบว่าประมาณ 20ชั่วโมง ลอร์เลนบอกให้คาร์โก้พาไปที่อื่น เพราะวิคไม่ใช่สามีของเขา สามีของเขาถูกวิคปล่อยตายที่บ่อแก๊สแล้ว
คาร์โก้ครุ่นคิดอยู่สักพักว่าจะเอายังไงดี แต่ยังไม่ทันจะพูด วิคก็โพล่เข้ามาแล้วพูดแทรกทันที คุณจะพาเขาหนีเหรอ ฉันรู้ดีกว่านั้น ลอร์เลนพูดสวนขึ้นเพื่อเป็นการเอาตัวรอดไปก่อน จากนั้นวิคก็ฟาดหัวคาร์โก้ด้วยด้ามปืน คาร์โก้สลบถูกลากตัวใส่กุญแจมือขังรวมกับเด็กหญิง
คาร์โก้ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับเรียกชื่อลูก แต่ตัวเองถูกขังอยู่ในกรงทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนเขย่ากรงด้วยความโมโห คาร์โก้จึงพูดกับเด็กหญิงเพื่อที่จะหาทางออกไปจากกรงนี้ เด็กหญิงขอให้ช่วยผู้อาวุโสที่ถูกขังอยู่อีกกรงออกไปด้วย ทั้งคู่ก็หาวิธีออกจากกรงขังจนได้ โดยใช้พลังของซอมบี้ในการดึงฝากรงขี้นแล้วลอดตัวออกมา จากนั้นก็แอบขึ้นไปที่บ้านของวิค ปลุกลอร์เรนและอุ้มเด็กค่อยๆแอบหนีไป ขณะที่กำลังจะขึ้นรถ วิคตื่นขึ้นมาพอดีโวยวายเสียงดังพร้อมกับวิ่งถือปืนออกมายืนอยู่ระเบียง เมื่อเห็นว่าขึ้นรถไปโดนยิงแน่ คาร์โก้และเด็กหญิงจึงวิ่งหนี วิคเล็งปืนยิงไปที่คาร์โก้ ลอร์เรนเห็นท่าไม่ดีจึงกระโดดเอาตัวรับลูกกระสุนทำให้เสียชีวิต วิคเห็นเช่นนั้นทิ้งปืนแล้วลงมาดูลอร์เรน คาร์โก้กับเด็กหญิงช่วงเวลานี้วิ่งหนีต่อ ด้วยความที่เด็กหญิงเป็นคนท้องถิ่นเขาจึงรู้สถานที่ซ่อน แม้แต่วิคก็ไม่หาพวกเขาเจอ ทั้งคู่ปลดโซ่ออกได้เพราะลูกกุญแจที่หยิบมาด้วย คืนนี้ในถ้ำอาการซอมบี้ของคาร์โก้ก็กำเริบขึ้นมาอีก แต่เขาก็ยังเอาชนะมันได้
เช้าวันต่อมาทั้ง 3 ออกเดินต่อไปตามถนน คาร์โก้ถามทูมิว่าเขาจะกลับไปที่ริมแม่น้ำทูมิรู้จักทางหรือป่าว ทูมิบอกจะไปหาท่านผู้เฒ่า ท่านผู้เฒ่าเป็นผู้วิเศษที่จะรักษาพ่อได้ คาร์โก้จึงพูดไปว่า ท่านผู้เฒ่ารักษาใครไม่ได้หรอกมีหลายคนทำมาแล้ว สักพักเด็กทูมิขอแยกตัวไปเพื่อที่จะไปดูอะไรสักอย่าง ทูมิวิ่งมาหยุดตรงต้นไม้และมีเสื้อแจคเก็ตแขนยาวพาดไว้บนกิ่งไม้ ตัวเสื้อด้านบนเป็นสีเหลือง ด้านล่างเป็นสีเทาดำ ขั้นกลางด้วยสีขาวแทบเล็กๆ บนต้นไม้มีกิ่งไม้กองไว้เหมือนปิดอะไรไว้สักอย่าง เมื่อมองดูด้านในก็จะเห็นซอมบี้คนที่เคยสวมแจ็กเก็จตัวนี้ถูกไม้ทับไว้ ซอมบี้ตนนั้นคือพ่อของทูมิเอง ทูมินั่งไว้อาลัยพ่อตามประเพณีของชุมชนเผ่า คาร์โก้เดินมาเจอนึกว่าทูมิกำลังทำร้ายตัวเองจึงบอกให้เขาหยุด ทูมิจึงพูดขึ้นว่าเขาผิดเองที่เขาพาผู้อาวุโสมาช่วยพ่อไม่ได้ คาร์โก้บอกว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดและเขาไม่ใช่พ่อของเธออีกต่อไปแล้ว หนูควรอยู่กับพ่อ ไม่ใช่คุณทูมิพูด คาร์โก้เห็นว่าเขามีเวลาน้อยจึงพาลูกเดินไปต่อ แต่ก็ยังหันหลังกลับมาพูดว่าเราจะดีใจมากถ้าเธอไปกับเรา ฉันไม่สนใจคุณกับลูกหรอกทูมิตอบกลับ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงกลับหลังหันเดินต่อไป เดินไปได้สักระยะอาการซอมบี้ของคาร์โก้ก็กำเริบอีก เขาเดินต่อไปไม่ไหวจึงต้องหยุดนอนพัก ในเวลานั้นทูมิก็ได้ยินเสียงร้องของโรซี่เขาจึงไปดู
คาร์โก้สดุ้งตื่น มองหาลูกเป็นอันดับแรก เห็นทูมิยืนอุ้มลูกของเขาอยู่ คาร์โก้ดีใจที่ทูมิร่วมเดินทางไปต่อกับเขา ทั้ง3ออกเดินทางไปยังริมน้ำ ลงเรือเล็กของคาร์โก้ที่จอดอยู่ ขับย้อนกลับไปขี้นอีกฝั่งของแม่น้ำ เรือวิ่งผ่านบ้านเรือนแพเก่าของเขาครั้งที่ล่องมา 3 พ่อแม่ลูก เมือขึ้นฝั่งทั้ง 3 ก็เดินต่อ ไม่นานก็ไปเจอรถบ้านจอดอยู่ คาร์โก้เรียกคนในบ้านไม่มีเสียงตอบรับจึงพากันเข้าไปด้านใน ภายในบ้านก็ไม่มีใครอยู่ ทั้ง 3 จึงถือโอกาสนั่งพักและทำแผลให้ทูมิ ในรถบ้านยังมีอาหารสดอยู่คิดว่าเจ้าของบ้านน่าจะอยู่ไม่ใกล
คาร์โก้เดินดูรอบๆแถวนั้น จนไปเจอครอบครัว 4 พ่อแม่ลูก ซึ่งเป็นครอบครัวที่เขาเคยทักทายตอนล่องเรือผ่าน พ่อกำลังขุดหลุม ลูกๆกับแม่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้น คาร์โก้ทักทาย เขายืนดูเหมือนมีอะไรผิดปกติ สักพักผู้พ่อก็พูดขึ้นว่ารถบ้านเอาไปได้เลย คาร์โก้จึงตอบกลับไปว่าไม่ได้ต้องการรถ เขาวางพลั่วที่ขุดดินลง มือเขาสั่นๆคาร์โก้รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ติดเชื้อซอมบี้ เขาเดินเข้ามาหาคาร์โก้ ต้นคอของเขาเหมือนโดนกัดมา เขาพูดกับคาร์โก้ว่าเขามีปืนและมีกระสุนอยู่ 6 นัด เขาจะใช้ไป 4 นัด ยิง 4 คนในครอบครัว ที่เหลือคาร์โก้เอาไป คาร์โก้บอกว่าผมจะไม่ทิ้งพวกเขา แล้วเดินหันหลังกลับ ไม่นานก็มีเสียงปืน 3 นัดดังขึ้น คาร์โก้หยุดเดิน จากนั้นผู้ชายก็วิ่งตามหลังคาร์โก้มา อยู่ในระยะมองเห็น เขาหยุดเดินแล้วยิงตัวเอง เพื่อที่คาร์โก้จะเอาปืนไปใช้ต่อ
คาร์โก้เดินไปหยิบปืนแล้วเดินมานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ วางลูกอยู่ห่างออกไปไม่ใกล เขานั่งหยิบปืนถอนหายใจอยู่สักพัก ทูมิจึงวิ่งลงจากรถมาหาเด็กน้อยแล้วอุ้มเดินไปนั่งลงข้างๆคาร์โก้ ทูมิจึงพูดว่าเขาอยากกลับบ้าน คาร์โก้จะกลับไปกับเขาหรือป่าว คาร์โก้ตอบตกลงแต่ตัวเขาคงไปไม่ถึง ทูมิจึงชี้มือไปทางสะพานแล้วพูดว่าบ้านเขาอยู่ฝ้่งโน่นเห็นม่ะตรงมีควันขึ้นมา แล้วทั้ง 3 ก็เดินขึ้นไปบนสะพานที่เป็นรางรถไฟ เมือเดินมาถึงกลางสะพานมองลงไปด้านล่างมองเห็นซอมบี้กำลังรุมแทะศพ คาร์โก้เห็นก็รู้สึกน้ำลายไหลแต่ก็ต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ แล้วก็เดินทางต่อเข้าไปในอุโมงเพื่อที่จะทะลุไปอีกทาง ในอุโมงมีซอมบี้จำศิลอยู่หลายตัวโดยอาศัยความมืด
กลับมาที่วิค เขารู้ว่าทั้ง3 จะต้องผ่านทางนี้จึงขับรถมารออยู่อีกฟากของอุโมง เมือ3คนเดินใกล้จะถึงปลายอุโมงอีกด้านก็เห็นวิคที่รออยู่ จึงเดินหลับไปอีกด้านของรถ คาร์โก้เรียกชื่อวิคเพื่อที่จะเบนความสนใจของวิคมาหาตัวเขา และให้ทูมิอุ้มโรซี่ขึ้นไปหลบที่หน้ารถ ตัวคาร์โก้แอบเข้าไปรวมอยู่กับซอมบี้ที่จำศิลอยู่ วิคเดินเข้าไปเอาไม้ฟาดหัวซอมบี้ที่ละตัว จนใกล้ถึงตัวคาร์โก้ เมือเห็นท่าไม่ดีคาร์โก้ตัดสินใจวิ่งเข้าชนวิคเกิดการต่อสู้ชุลมุน แล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้นคนที่ลุกยืนก่อนคือวิค วิคเดินไปยังรถที่ทูมิและเด็กน้อยหลบอยู่ วิคเปิดประตูดึงทูมิลงมา วิคเวี่ยงทูมิล้มลงหัวไปฟาดเข้ากับรางรถไฟทำให้สลบไป วิคขึ้นไปอุ้มเด็กลงมา
คาร์โก้พอตั้งตัวได้ก็เดินตามหาลูกจนไปเจอทูมินอนสลบอยู่เขาเขย่าตัวทูมิเพื่อให้ทูมิรู้สึกตัว ถัดไปวิคนั่งอุ้มและเล่นกับลูกสาวเขาอยู่คาร์โก้จึงเดินเข้าไปคุยในเรื่องที่ผ่านมาและบอกว่ามันจบลงแล้ว คาร์โก้ขอร้องวิคอย่าทำร้ายลูกของเขา คาร์โก้ค่อยอุ้มตัวลูกสาวออกมาจากมือวิค วิคก็ปล่อยโดยดี จากนั้นทั้ง 3 ก็เดินออกจากอุโมงไป ทูมิเองก็ยังอยู่ในสภาพที่สลืมสลึเพราะหัวไปกระแทกเข้ากับรางรถไฟ ในระหว่างเดินทางคาร์โก้มือข้างหนึ่งจับไม้พยุงตัวเอง มืออีกข้างก็พยุงตัวทูมิ คอยพูดให้ทูมิได้สติ การเดินทางที่ทุลักทุเลของทั้ง 3 ผ่านทุ่งหญ้าและป่า ทูมิเริ่มมีสติพยุงตัวเองได้ แต่คาร์โก้ก็อาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องหยุดพัก คาร์โก้เห็นว่าตัวเขาจะเป็นซอมบี้เต็มตัวในไม่ช้าแน่นอนแต่ยังพอประคองสติได้อยู่ ถ้าเขาเป็นซอมบี้เต็มตัวเขาจะต้องกัดทั้ง2คนแน่นอน คาร์โก้จึงมัดมือตัวเองเอาทูมิและโรซี่ขึ้นบนหลังแล้วเดินตามกลิ่นเลือดไป ให้ทูมิถือไม้ที่ห้อยด้วยกลิ่นเลือดนำทาง ในที่สุดก็ไปจนถึงเผ่าเป้เป้าหมายของคาร์โก้บรรลุแล้วเขาหมดห่วง พร้อมที่จะตาย ในเวลาต่อมาผู้เฒ่าก็ฆ่าคาร์โก้
ซีซั่นที่ 1 |